ในกรณีของรถที่ถูกน้ำท่วมส่วนมากจะถูกแบ่งออกเป็น 3 ระดับค่ะ

ระดับที่ 1 คือ ท่วมสูงถึงพื้นรถยนต์ แต่ไม่ถึงเบาะ
ความเสียหายที่เกิดขึ้น มีดังนี้
- พรมภายในห้องโดยสายทั้งหมด
- ห้องเครื่อง คอมแอร์ ไดสตาร์ท
- ระบบเบรก และผ้าเบรก
ควรปฏิบัติดังนี้
การที่ล้อและอุปกรณ์ช่วงล่างถูกแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน อาจจะทำให้เกิดสนิมใต้ท้องรถ รวมถึงระบบเบรกของทั้ง 4 ล้อ และผ้าเบรกก็ควรตรวจเช็กไปพร้อมๆกันด้วยนะคะ และควรเช็คระบบไฟว่าเสียหายมากน้อยแค่ไหน เพราะรถส่วนมากตอนนี้ระบบไฟเยอะมาก ถึงแม้ว่าไดสตาร์ทจะถูกออกแบบมาให้ทนทาน แต่ก็อาจจะเสียหายได้เนื่องจากน้ำเข้า
หากพรมเปียก แสดงว่ามีน้ำซึมเข้ามาให้รถ ให้ถอดพรมออกไปซัก หรือให้ร้านทำความสะอาด และตากแดดให้เรียบร้อย เพราะจะทำให้เกิดกลิ่นอับได้ พร้อมทำความสะอาดภายในรถ ใต้ท้องรถ ซุ้มล้อ เพื่อล้างคราบโคลนสิ่งสกปรกต่างๆด้วยเช่นกัน

ระดับที่ 2 คือ ท่วมสูงถึงเบาะ
ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น มีดังนี้
- ห้องเครื่อง และกล่องควบคุมต่างๆ
- แบตเตอร์รี่
- พัดลมระบายความร้อน
- เครื่องยนต์
- น้ำมันเครื่องระบบเกียร์
- พวงมาลัยไฟฟ้า
- ไฟหน้า ไฟท้าย
- ตัวเบาะ
- แผงควบคุม
- ชุดตู้แอร์
ควรปฏิบัติดังนี้
หากรถโดนน้ำท่วมสูงในระดับ 2 เมื่อนำรถขึ้นจากรถแล้ว ห้ามสตาร์ทหรือเปิดไฟเข้ารถเด็ดขาด เพราะระดับน้ำสูงทำให้สร้างความเสียหายภายในห้องเครื่องได้ ควรถอดแบตออกทันที และตรวจสอบอุปกรณ์อื่นๆ กล่อง ECU เป็นสมองกลไฟฟ้าควบคุมเครื่องยนต์ พอๆกับระบบเรื่องยนต์และเกียร์ พร้อมทั้งไล่ความชื้นของจากตัวรถ

ระดับที่ 3 ท่วมถึงคอนโซลหน้า หรือทั้งคัน เป็นการสร้างความเสียหายสูงสุด
ความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น มีดังนี้
- ตัวถัง
- ระบบไฟ
- ห้องเครื่อง
- ไดชาร์จ
- มอเตอร์ปัดน้ำฝน
- หม้อน้ำ
- ของเหลวต่างๆ
- อุปกรณ์ในห้องผู้โดยสาร
- มอเตอร์พัดลมแอร์
- หน้าปัทม์เรือนไมล์
- ขอบยางประตู
ควรปฏิบัติดังนี้
เป็นระดับที่ควรน่าเป็นห่วงอย่างมาก เพราะมีความเสียหายมากที่สุด เมื่อนำรถขึ้นมาจากน้ำแล้วห้ามสตาร์ทรถเด็ดขาด เพราะอาจจะทำให้เครื่องยนต์ได้รับความเสียหายอย่างมากและทำให้ระบบไฟฟ้าต่างๆ เสียหายได้ ต้องรีบถอดแบตเตอร์รี่ออกทันที
พร้อมทั้งต้องให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจเช็คของเหลวทุกอย่างภายในรถ เช่น น้ำมันต่างๆ น้ำหล่อเย็น หรือสารหล่อลื่น และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ควรเอาออกมาทำความสะอาดให้แห้งทั้งหมด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นรถก็อาจจะกลับมาใช้ได้ไม่เหมือนเดิม
แต่ทั้งนี้ หากลองทำความเข้าใจระดับของการท่วมของรถแล้ว เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ควรแจ้งประกันและผู้เชี่ยวชาญเข้ามาดูแล และตรวจสอบข้อมูลของประกันภัยว่าคุ้มครองประเภทไหน แต่ละประเภทความคุ้มครองจะแตกต่างกันไป